คนจองเหรียญทยอยรับเหรียญที่จองไว้ |
หลายท่านกำลังจองเหรียญ รุ่นไตรมาส55 |
ทยอยเอาเหรียญไปให้หลวงปู่ประสิทธิ์ |
คนค่อนข้างมากเลยขอกราบลา |
คนจองเหรียญทยอยรับเหรียญที่จองไว้ |
หลายท่านกำลังจองเหรียญ รุ่นไตรมาส55 |
ทยอยเอาเหรียญไปให้หลวงปู่ประสิทธิ์ |
คนค่อนข้างมากเลยขอกราบลา |
เมื่อบวชแล้วได้จำพรรษาที่วัดบุญญฤทธยาราม(วัดบึงบน) ตั้งแต่พรรษาแรกที่ท่านอุปสมบทก็มุ่งมั่นในทางธรรมฝึกฝน ปฏิบัติฝึกจิต เพื่อหวังความหลุดพ้นโดยท่านบอกว่าท่านเป็นครูของตัวเองนั่นคือท่าน ฝึกด้วยตัวของท่านเอง โดยอาศัยการอ่านตำรา แนวทางการปฏิบัติต่างๆจนพบแนวปฏิบัติที่ตรงกับจริตของท่านเมื่อล่วงพรรษาที่3 ท่านก็ไปๆมาๆจำพรรษาระหว่างวัดบึงบนกับวัดเขาน้อยคีรีวัน อีกวัดหนึ่งซึ่งมีสุดยอดเกจิแห่งเมืองชล ที่เป็นผู้บุกเบิกสร้างวัดเขาน้อยขึ้นมา(หลวงปู่โทน กนฺตสีโล) เพราะท่านเป็นเพื่อนกับหลวงปู่โทนตั้งแต่ทำงานที่โรงไม้ แถวชลบุรีด้วยกันมาก่อนเมื่อตอนท่านอายุ 17-18ปี แม้จะเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่โทน แต่หลวงปู่ก็ไม่เคยเรียนวิชาอะไรกับหลวงปู่โทนเลย เพราะท่านมุ่งมั่นเพียงความสงบและหลุดพ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มีเพียงแต่ออกธุดงค์เท่านั้นที่ท่านออกธุดงค์กับหลวงปู่โทนอยู่เสมอเพราะท่านกับหลวงปู่โทนสนิทกันมาก จนหลวงปู่บอกว่า ท่านกับหลวงปู่โทนซี๊กัน อยู่ที่ไหนก็ไม่เหมือนอยู่กับหลวงปู่โทน ท่านจะเรียกหลวงปู่โทนว่า"พี่โทน"
เมื่อล่วงเลย 10กว่า พรรษาท่านได้รับมอบหมายจาก พระครูโสรัจธรรมคุณ เจ้าอาวาสวัดบึงบน (เจ้าคณะตำบลคลองกิ่ว ตอนนั้น ปัจจุบัน รองเจ้าคณะอำเภอบ้านบึง)ให้มาจำพรรษาที่ วัดราษฎร์เรืองสุข(มาบลำบิด)เนื่องจากขาดผู้ปกครองวัด ท่านจึงได้มาจำพรรษาที่วัดมาบลำบิดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาปัจจุบันท่านอายุ 87ปี 39พรรษา ท่านเป็นพระที่สมถะ ไม่หวังลาภ ยศ สรรเสริญ ใดๆ และมีเมตตามาก ทุกวันหลังจากตื่นจากจำวัด(ในโบสถ์หลังเก่า)ท่านจะมากวาดใบไม้รอบกุฎิ เมื่อกวาดเสร็จก็จะไปให้อาหารแมวซึ่งท่านเมตตาเลี้ยงไว้บนกุฎิหลายตัว และฉันเช้าและรอรับแขกที่แวะเวียนมากราบเพราะท่านไม่รับกิจนิมนต์ที่ไหนอีกแล้วเนื่องด้วยอายุที่เยอะ ถ้าวันไหนแขกไม่เยอะท่านก็จะเข้าโบสถ์เร็ว หลังเพลก็เข้าแล้ว เพื่อปฏิบัติ และฝึกจิตของท่านถ้าวันไหนแขกเยอะก็จะเข้าโบสถ์เกือบ 18.00น.
นับว่าท่านเป็นพระแท้อีกรูปที่น่ากราบไหว้จริงๆ ท่านไม่เคยพูดโอ้อวดถึงความเก่งของท่านให้ลูกศิษย์หรือใครๆฟัง เมื่อถามท่านถึงอิทธิปาฏิหารย์ต่างๆที่หลายคนเจอมากับวัตถุมงคลของท่านก็จะได้คำตอบว่ามันเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ของมันเอง หากใครแสวงหาพระแท้อยู่ก็ไปกราบท่านได้ทุกวันครับที่วัด เส้นทางไปก็ไม่ยากครับ แล้วท่านก็จะเห็นเหมือนที่ผมเห็นว่า หลวงปู่ฮก รตินฺธโร คือพระแท้ที่น่ากราบ จริงๆ..
หลังหลวงปู่มาทำงานที่โรงไม้ได้ 2 ปีก็กลับไปเกณฑ์ทหาร เมื่อไม่ได้เป็นทหารจึงกลับมาที่เมืองชลอีกครั้งแต่ไม่ได้ไปอยู่โรงไม้ที่เดิม แต่มาอาศัยอยู่ที่ อ.บ้านบึง และทำอาชีพรับจ้างเลื่อยไม้ทั่วไป แล้วแต่ใครจะจ้าง จนหมดภาระเมื่ออายุได้ 48 ปี จึงสละชีวิตทางโลกมุ่งสู่ทางธรรมหลวงปู่บวชที่วัดบึงบนและจำพรรษาที่นั่น จนล่วง 3 พรรษา ไปแล้ว หลวงปู่จึงไปๆมาๆจำพรรษาระหว่าง วัดบึงบนและวัดเขาน้อยคีรีวันต์(หลวงปู่โทน) จากที่ฟังหลวงปู่เล่าหลวงปู่จะบอกว่าท่านซี๊กับหลวงปู่โทนมาก ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เหมือนกับอยู่กับหลวงปู่โทน บางครั้งท่านจะเรียกหลวงปู่โทนว่า"พี่โทน"แสดงให้เห็นถึงความเคารพในตัวหลวงปู่โทน อยู่มาก ระหว่างท่านอยู่กับหลวงปู่โทนก็ได้มีโอกาสไปปริวาสและธุดงค์ กับหลวงปู่โทนหลายครั้ง ครั้งที่หลวงปู่โทนธุดงค์ไปเชียงใหม่ท่านก็ไปด้วย
เนื่องจากหลวงปู่อยู่ในยุคเดียวกับยอดเกจิเมืองระยอง(หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่)ผมจึงถามว่าหลวงปู่ทันหลวงปู่ทิมหรือเปล่าหลวงปู่จึงเมตตาเล่าให้ฟังว่าท่านเคยเอาพระไปปลุกเสกที่วัดหลวงปู่ทิมด้วย(ไม่ใช่พระหลวงปู่ไปกับหลวงพ่ออะไรผมจำไม่ได้แล้ว)ท่านเล่าว่าตอนนั้นหลวงปู่ทิมกำลังดังจึงมีพระหลายวัดนำพระเครื่องที่ทางวัดจัดสร้างไปให้หลวงปู่ทิมปลุกเสกให้ ตอนหลวงปู่ไปนั้นหลวงปู่ทิมแก่มากแล้วหลวงปู่บอกว่าหลวงปู่ทิมมีไม้เท้าอันหนึ่ง แล้วก็เอาไม้เท้านั้นแตะๆกล่องพระเครื่องอันโน้นบ้างอันนี้บ้าง(เพราะมีเยอะ)ก็ใช้ได้แล้วแฟนผมถามหลวงปู่ว่าตอนที่ท่านออกธุดงค์เจอเรื่องราวแปลกประหลาดพิศดารอะไรเล่าให้ฟังบ้างหรือเปล่า หลวงปู่บอกว่าพระองค์อื่นอาจจะมีแต่หลวงปู่ไม่มี แสดงให้เห็นถึงความไม่อวดตัวของหลวงปู่ ท่านอาจจะเป็นพระทองคำอีกรูปหนึ่งก็ได้ และสิ่งหนึ่งที่ได้ยินบ่อยๆคือ ถ้าหลวงปู่ไม่สร้างโบสถ์ หลวงปู่ก็จะไม่สร้างพระ
หลังจากหลวงปู่ไปๆมาวัดบึงบนกับวัดเขาน้อยคีรีวันต์ ได้ 10กว่าพรรษา ณ วัดมาบลำบิด ในตอนนั้นขาดสมภารปกครองดูแลวัด เจ้าอาวาสวัดบึงบน(ดูแลปกครองวัดในพื้นที่ อ.บ้านบึง)ได้มีดำริให้ หลวงปู่มาจำพรรษาที่ วัดมาบลำบิดนับแต่นั้นเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน
แบบเหรียญไตรมาส(สำเภามังกรทอง)55 |
รายการที่จัดสร้าง |
ชุดกรรมการ |
**รายละเอียดในพิธีก็จะมีเลี้ยงพระเพล พิธีช่วงบ่ายสรงน้ำหลวงปู่ และรับแจกวัตถุมงคลจากหลวงปู่ฟรี (อย่าลืมบอกต่อนะครับ)ป.ล.ถามจากหลวงปู่ได้ความว่าวัตถุมงคลที่จะแจกในงานกำลังปลุกเสกอยู่ในโบสถ์พร้อมเหรียญ รุ่น เมตตา-บารมี
จนเมื่อเช้า(วันศุกร์)หลังจากออกกะที่ทำงานและทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ไปถวายเพลหลวงปู่เมื่อไปถึงวัดก็เห็นหลวงปู่อยู่ที่กุฏิและลุกขึ้นมายืนมอง เมื่อขึ้นไปบนกุฏิจึงถามหลวงปู่ว่ารอผมอยู่เหรอครับหลวงปู่บอกว่ารออยู่แต่ไม่เห็นมาเลยกำลังจะไปโบสถ์ (นัดไว้ 09.30น.แต่ไปถึง 10.00 น.) หลวงปู่ยังมีความจำดีมากครับ ถ้าใครบอกว่าจะมากราบหลวงปู่วันไหนหลวงปู่ก็จะรอ หลังถวายเพลหลวงปู่ฉันเสร็จ ก็เอาพระหลวงปู่ให้ประสิทธิ์ให้เลยถามหลวงปู่ว่าจำได้หรือเปล่าครับที่ว่าจะเอาเหรียญมาให้ประสิทธิ์ให้(บอกตั้งแต่วันจันทร์) หลวงปู่บอกว่าจำได้และหลวงปู่ท่านก็เมตตาจารเหรียญให้ทั้งสองเหรียญ พร้อมทั้งประสิทธิ์เหรียญให้หลังจากนั้นก็นั่งสนธนากับหลวงปู่สัก 30 นาที จึงขอกราบลาเพื่อให้หลวงปู่ได้พักผ่อน เอาไว้คราวหน้าจะเอาคลิปที่ถ่ายตอนหลวงปู่จารเหรียญและประสิทธิ์เหรียญมาให้ชม จบข่าว.....
อาจจะมีเกริ่นๆไว้ในบทความแรกๆแล้ว แต่เอามาย้ำเตือนอีกทีครับ สืบเนื่องจากผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบพระเครื่องอยู่แล้วในจังหวัด ชลบุรี และระยอง ระแวกที่ไม่ไกลจากบ้านผมถ้ามีเวลาว่างผมกับแฟนก็จะชวนกันขับรถไป ตระเวนหากราบหลวงปู่หลวงพ่อที่น่ากราบที่หาข้อมูลได้จากอินเตอร์เน็ตว่าอยู่แถวในบ้างในสองจังหวัดที่กล่าวไปแล้วจนได้มาเจอ หลวงปู่ฮก รตินฺธโร วัดราษฎร์เรืองสุข(มาบลำบิด) ครั้งแรกที่พบก็เห็นถึงความเมตตาของท่านจึงเกิดศรัทธาในตัวท่าน(ยังไม่พูดเรื่องประสบการณ์พระเครื่อง) และเมื่อทราบว่าท่านกำลังสร้างอุโบสถหลังใหม่ และท่านได้จัดสร้างพระเครื่องออกมาให้ลูกศิษย์ลูกหาได้เช่าบูชาเพื่อหาเงินสมทบทุนสร้างโบสถ์แล้วหลายรุ่นแต่ก็ยังไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง
ผมจึงอยากใช้พื้นที่อินเตอร์เน็ตเป็นที่เผยแพร่ข่าวสารของหลวงปู่ฮก และทางวัดอีกช่องทางหนึ่งให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญกันสร้างอุโบสถหลังใหม่ เพราะก่อนที่ผมจะไปกราบหลวงปู่ก็ได้หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับหลวงปู่แล้วก็พบว่าข้อมูลเกี่ยวกับตัวท่านยังมีน้อยมาก เพราะท่านเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติที่เรียบง่ายแต่ด้วยเหตุที่จำเป็นท่านจึงสร้างพระเครื่องและพระเครื่องของท่านก็มีประสบการณ์กับผู้ที่ได้บูชา แต่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวท่านน้อยผมจึง ขออนุญาติหลวงปู่จัดทำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวท่านเพื่อเผยแพร่ให้ผู้คนทั่วไปได้รู้จักองค์หลวงปู่มากขึ้นและร่วมกันทำบุญสร้างอุโบสถหลังใหม่กับท่านสุดท้ายนี้หวังว่าบล็อคแห่งนี้คงมีประโยชน์กับผู้ที่อยากหาข้อมูลเรื่องราวของหลวงปู่เพิ่มมากขึ้นไม่มากก็น้อย
สถานที่ก่อสร้าง |
เนื่องด้วยปัจจุบันนี้อุโบสถหลังเก่าของวัดชำรุดทรุดโทรมไปมาก(หลังคารั่ว) ทำให้การทำศาสนกิจของวัดเป็นไปด้วยความยากลำบาก หลวงปู่จึงมีดำริสร้างอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเก่า เพราะท่านบอกว่าถ้าท่านไม่อยู่แล้วอุโบสถหลังใหม่จะไม่ได้สร้างจึงอนุญาติให้อาจารย์เจ้าอาวาสจัดสร้างพระเครื่องเพื่อหาทุนในการสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น และทางวัดก็ได้ออกเหรียญมาหลายรุ่น(ทางวัดดำเนินการจัดสร้างเอง)แต่ด้วยจำนวนการสร้างแต่ละรุ่นนั้นมีจำนวนที่น้อย(เพราะค่าดำเนินการจัดสร้างที่แพง) แต่ด้วยประสบการณ์ที่มากทำให้เหรียญแต่ละรุ่นที่ออกมาหมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้ที่วัดได้ทำการเปิดให้จองเหรียญ รุ่น เมตตา-บารมี มาสักระยะหนึ่งแล้วไม่ทราบว่ายังเหลืออีกมากน้อยเท่าไร
ผมได้เอาเหรียญท้าวเวสสุวรรณให้หลวงปู่ประสิทธิ์ให้เลยถือโอกาสถามหลวงปู่ว่าคาถาที่จะอาราธนาพระของหลวงปู่มีว่าอย่างไรแล้วก็ได้คำตอบว่า.....ไม่มี
หลวงปู่ท่านบอกว่าท่านทำง่ายๆไม่ต้องมีคาถาหรือบทอาราธนาหรอก
ครับ ไม่ว่าเราจะมีพระดีขนาดไหนเมื่อถึงคราวตายเราก็ต้องตาย แต่การแขวนพระนั้นเพื่อเอาไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจและเตือนสติให้เราปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรม ละเว้นความชั่วแต่ก่อนจะเอาพระหลวงปู่ขึ้นคอก็ให้ระลึกนึกถึงหลวงปู่ก็แล้วกันนะครับ จบข่าว....
อาหารเพลวันนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นกับน้ำเฉาก๊วยและองุ่น หลวงปู่ฉันก๋วยเตี๋ยวจนหมดถ้วย(คงจะอร่อย) เมื่อหลวงปู่ฉันเสร็จก็มีโอกาสได้พูดคุยสอบถามหลวงปู่ได้ถนัดหน่อย เพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาจึงมีลูกศิษย์ลูกหาไม่มาก เห็นแค่สองคนมาจองพระเรียงลำดับใจความประวัติหลวงปู่ได้ดังนี้ พื้นเพเดิมหลวงปู่เป็นคนแปดริ้ว โยมบิดาชื่อบู๊ แซ่เตียว โยมมารดาชื่อไน้ แซ่เตียว หลวงปู่มีนามเดิมว่า ฮก แซ่เตียว เกิดวันที่ 2สิงหาคม พ.ศ.2468 ตรงกับปีขาล เป็นลูกคนจีน โยมพ่อท่านเป็นคนจีนแท้ส่วนโยมแม่เป็นลูกครึ่งไทยจีน(หลวงปู่บอก)เมื่ออายุได้ 14 ปี ประมาณ พ.ศ.2482 ช่วงเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่2 หลวงปู่ได้ย้ายมาอยู่ที่ อ.บ้านบึง ชลบุรี จนอายุครบเกณฑ์ทหาร พ.ศ.2489 หลังสงครามเลิกแล้วท่านกลับไปเกณฑ์ทหารที่แปดริ้วอีกครั้งแต่ไม่ติด จึงกลับมาอยู่ที่บ้านบึง
เมื่อหมดภาระทางโลกในวัย 48ปี (พ.ศ.2516) หลวงปู่ได้บวชที่วัดบึงบน โดยมีพระครูพิบูลย์สังฆกิจ(สุญ ปิยธโร)วัดกุณฑีธาร(หัวกุญแจ) เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วหลวงปู่ก็ฝึกจิตและศึกษาวิชาต่างๆด้วยตัวเองโดยอาศัยฝึกจากตำราบ้างหนังสือบ้าง(หลวงปู่ยกตัวอย่างการฝึกแนว หลวงพ่อพุทธทาส)อันไหนฝึกแล้วไม่ตรงจริตก็เปลี่ยนวิธีใหม่จนตรงกับจริตของท่านวันนี้เขียนเยอะแล้วเดี๋ยวคนอ่านจะเบื่อซะก่อนแล้วผมจะมาเล่าใหม่และเอาคลิปหลวงปู่มาให้ดูใน ตอนที่2 นะครับ วันนี้ จบข่าว..
วันนี้เอาแผนที่ ทางไปวัดมาลงเพื่อให้ท่านที่อยากเดินทางไปกราบนมัสการหลวงปู่
หลังฉันเสร็จก็นั่งพูดคุยสักพักก่อนที่ผมจะเริ่มถามถึงประวัติความเป็นมาของหลวงปู่แต่ด้วยวัย 86 ปี การพูดมากอาจทำให้หลวงปู่เหนื่อย แต่หลวงปู่ก็ยังมีเมตตาตอบคำถามที่ผมถามด้วยใบหน้าที่เติมเปี่ยมด้วยเมตตาข้อมูลคร่าวๆที่ได้มาคือ หลวงปู่อุปสมบทเมื่อ ตอนอายุได้ 48ปี ที่ วัดบุญยฤทธิ์ญาราม (วัดบึงบน) ปัจจุบันก็ 38 พรรษา และเป็นเพื่อนกับ หลวงปู่โทน วัดเขาน้อยคีรีวัน ระหว่างที่ถามหลวงปู่จะลุกไปเอาใบสุทธิ มาให้ดูเลยต้องบอกไปว่าไม่เป็นไรครับแล้วผมจะมากราบหลวงปู่บ่อยๆ เพราะรู้ว่าเมื่อถามมากหลวงปู่ก็ต้องตอบมากและจะเหนื่อย และก็เกรงใจลูกศิษย์ท่านอื่นที่จะมากราบหลวงปู่เหมือนกัน
ก่อนจะกราบลาหลวงปู่จึงขอถ่ายรูปกับหลวงปู่เพื่อเป็นศิริมงคล แต่หลวงปู่ใส่แค่สบง อย่างเดียวศิษย์ท่านอื่นจึงทัดทานว่าหลวงปู่ยังอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยเดี๋ยวค่อยมาถ่ายคราวหน้า แต่ด้วยความเมตตาของหลวงปู่จึงบอกให้หลวงตาที่อยู่ใกล้ๆให้ไปเอาอังสะที่ตากไว้ใต้กุฎิ มาให้ท่านใส่เพื่อให้พวกเราได้ถ่ายรูป
ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา |
หลวงปู่ฮก รตินฺธโร |
วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนครับไว้คราวหน้าจะมาเล่าถึงข่าวคราวหลวงปู่ และประสบการณ์เหรียญหลวงปู่และรุ่นของวัตถุมงคลที่หลวงปู่ปลุกเสก วันนี้ จบ....ข่าว
ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้จัก หลวงปู่ฮก แห่งวัดราษฏร์เรืองสุข(มาบลำบิด)มาก่อน เพราะท่านเป็นพระที่ไม่ได้เปิดเผยตัวว่าเก่งกาจ มีวิชาเก่งกล้า ให้คนทั่วไปได้รู้จักมากนัก จะมีก็แต่ลูกศิษย์ใกล้ชิด จริงๆเพียงไม่กี่คนที่ทราบว่าท่านเก่งจริงแบบเงียบๆมานานแล้วแม้วัดแห่งนี้จะตั้งอยู่ติดกับถนนเส้นที่มุ่งหน้าจาก สาย331 มุ่งหน้า อ.บ้านบึง ไม่ไกลนักและถนนเส้นนี้ตอนที่หลวงพ่อจ้อย วัดหนองน้ำเขียว ยังไม่มรณะภาพ ผมก็ใช้เส้นทางนี้เพื่อผ่านไปกราบหลวงพ่อจ้อย อยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ทราบว่าระหว่างทางที่ผ่านไปนั้นมีพระผู้เปี่ยมด้วยเมตตาพำนักอยู่ จนสิ้นบุญหลวงพ่อจ้อย ผมก็ไม่ค่อยได้ผ่านถนนเส้นนี้เท่าไรเพราะที่พึ่งทางใจไม่มีแล้วจนเมื่อกลางเดือนที่แล้วเหมือนมีอะไรมาดลใจให้ผมเปิดดูเว็บพระเครื่องเว็บหนึ่งทั้งที่ไม่ได้เปิดดูมานานมากแล้ว ก็ได้พบกับพระเครื่องของหลวงปู่ผมก็เลยเสาะหาว่าหลวงปู่รูปนี้อยู่ที่ไหนในเมืองชลและแล้วก็พบว่า หลวงปู่ฮก อยู่ที่วัดมาบลำบิด นี่เอง จนได้มีโอกาสได้เข้าไปกราบนมัสการครั้งแรกก็พบว่าหลวงปู่เป็นพระที่มีเมตตามาก ใครเข้าไปกราบก็เข้าไปกราบได้อย่างใกล้ชิด ด้วยวัย 86 ปีหลวงปู่ดูยังแข็งแรง และอารมณ์ดี ชอบพูดชอบคุย หูท่านยังฟังเสียงได้อย่างชัดเจนแม้เราจะพูดเบาๆ แต่ท่านก็ได้ยิน ครั้งแรกที่ไปหลวงปู่มอบพระผงรูปเหมือนให้ คนละองค์กับแฟนและเมตตาเป่ากระหม่อมให้คนละที เนื่องจากวันที่ผมไปนั้นเป็นวันอาทิตย์ทำให้มีผู้คนเริ่มทยอยมากราบหลวงปู่มากขึ้นผมจึงขอกราบลาหลวงปู่กลับ
ตอนนี้ทางวัดกำลังสร้างโบสถ์หลังใหม่ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันสร้างเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนานะครับ แล้วคราวหน้าผมจะค่อยๆนำประวัติหลวงปู่มาบอกกล่าวให้ทราบว่าประวัติท่านเป็นมาอย่างไร วันนี้สวัสดีครับ...